รวมวิธีลดถุงใต้ตาแบบธรรมชาติและทางการแพทย์

ถุงใต้ตาบวม ดูมีอายุ
Facebook
Twitter
Email

สารบัญ

ถุงใต้ตาบวม มีลักษณะเป็นก้อนน้ำใต้ผิวที่อยู่ใต้ดวงตา ทำให้ดูเป็นก้อน ๆ หรือบวมขึ้น มักเกิดจากการสะสมของไขมันหรือการอักเสบของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ซึ่งทำให้ผิวและใบหน้าดูมีอายุมากขึ้น ส่งผลต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน แล้วถุงใต้ตาบวมเกิดจากอะไร? ถุงใต้ตาแก้ยังไงได้บ้าง? วันนี้เฟิร์น คลินิกรวบรวมคำตอบมาให้แล้วในบทความนี้

ถุงใต้ตาคืออะไร

ถุงใต้ตา (Eye bags) คือถุงไขมันบริเวณใต้ดวงตา สามารถพบได้ทุกเพศ ทุกวัย ไม่ใช่กับเฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หลายคนมักประสบปัญหาถุงใต้ตาหย่อนคล้อย ถุงใต้ตาบวม หรือนูนออกมาจากบริเวณใต้ดวงตามากเกินไป ส่งผลให้ดูเหนื่อย อ่อนล้า และมีอายุ ซึ่งแตกต่างดอลลี่อายที่ทำให้หน้าดูเด็กลง

ถุงใต้ตาบวมเกิดจากอะไร

ถุงใต้ตาบวมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ตามลักษณะของถุงใต้ตา คือ ถุงใต้ตาเทียม และถุงใต้ตาแท้ ซึ่งเกิดจากสาเหตุแตกต่างกัน

ถุงใต้ตาเทียม ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของเรา เช่น

  • การสะสมของไขมันและของเหลวบริเวณผิวหนังใต้ตาจนบวม หรือนูนออกมา
  • การพักผ่อนไม่เพียงพอ สามารถทำให้เลือดไม่ไหลเวียนที่ใต้ตาเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการบวมและริ้วรอยได้
  • พฤติกรรมต่าง ๆ เช่น การขยี้ตา การร้องไห้ ทำงานหน้าคอมบ่อย ๆ ใช้สายตามากเกินไป สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ชอบรับประทานอาหารรสเค็มจัด เป็นต้น
  • อาการแพ้สารต่าง ๆ ทำให้เกิดการติดเชื้อ อักเสบ หรือบวมบริเวณใต้ตา
  • การเปลี่ยนแปลงของอากาศ อากาศที่แห้ง ๆ หรือเย็น ๆ สามารถทำให้ผิวอ่อนแอลงและถุงใต้ตาขยายขึ้น

ถุงใต้ตาแท้บวม หรือหย่อนคล้อย เกิดจาก 2 สาเหตุหลัก ๆ คือ 

  • กรรมพันธุ์ หรือระบบต่อมไร้ท่อในร่างกายผิดปกติ ทำให้พวกไขมัน ของเหลวต่าง ๆ ไหลมาคั่งบริเวณเบ้าตาด้านล่าง ทำให้เราเห็นว่า มันปูด นูน หรือบวมนั่นเอง
  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น ผิวหนังเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา เนื้อเยื่อที่รองรับถุงไขมันใต้ตาไม่ได้แข็งแรงเหมือนเดิม โดยเกิดการอ่อนแรงและหย่อนตัวลงมา ทำให้เกิดถุงใต้ตาหย่อนคล้อย

อาการของใต้ตาบวม

  • การบวม: ใต้ตาบวมมักจะเป็นถุงใต้ตามีการบวมขึ้น ทำให้ดูมีส่วนที่ดูบวมขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน บางกรณีก็จะมีลักษณะของถุงใต้ตาบวมข้างเดียว หรือทั้งสองข้าง
  • สีผิวเปลี่ยนแปลง: ผิวใต้ตาอาจเปลี่ยนสีเป็นสีที่เข้มขึ้นหรือเป็นสีคล้ำ
  • พื้นผิวเปลี่ยนแปลง: เนื้อผิวใต้ตารู้สึกไม่สมบูรณ์ ไม่เรียบเนียน กระด้าง หรืออ่อนนุ่มลง
  • การแสดงอาการอื่นๆ: อาจมีความรู้สึกว่าใต้ตามีการอักเสบ
  • สุขภาพของผิวหนัง: ใต้ตาอาจดูเหี่ยวย่น หรือมีริ้วรอย

ถุงใต้ตาบอกโรคอะไรได้บ้าง

ถุงใต้ตาอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น ภาวะภูมิแพ้หรือแพ้อากาศ โรคไทรอยด์ ปัญหาการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง โรคไต เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกกรณีที่ถุงใต้ตาจะบ่งบอกถึงโรค บางครั้งอาจเกิดจากปัจจัยภายนอกหรือพันธุกรรมเท่านั้น

ปัญหาถุงใต้ตา ส่งผลเสียอย่างไรบ้าง

ถุงใต้ตาอาจส่งผลเสียในหลายด้าน เช่น

  • ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเพลีย แก่กว่าวัย หรือขาดความสดใส
  • ส่งผลต่อความมั่นใจในการเข้าสังคม หรือการทำงาน
  • เกิดปัญหาในการแต่งหน้า ทำให้แต่งหน้าบริเวณรอบดวงตาทำได้ยากขึ้น

11 วิธีลดถุงใต้ตาแบบธรรมชาติ ป้องกันได้ด้วยตนเอง

วิธีลดถุงใต้ตาแบบธรรมชาติ ส่วนใหญ่จะใช้ได้กับปัญหาถุงใต้ตาเทียม ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น พักผ่อนน้อย ขยี้ตาบ่อย ๆ หรือแพ้สารต่าง ๆ เป็นต้น โดยสามารถแก้ปัญหาถุงใต้ตาด้วยวิธีธรรมชาติ ดังนี้

1. ประคบเย็น

การประคบเย็น โดยใช้น้ำแข็ง ผ้าชุบน้ำเย็น หรือเจลเย็นวางบริเวณถุงใต้ตาประมาณ 10-15 นาที จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น ลดการบวมและอักเสบบริเวณถุงใต้ตาได้ โดยต้องใช้อุปกรณ์ประคบที่สะอาดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

2. ดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ

การดื่มน้ำจะช่วยลดการสะสมของไขมันในร่างกาย และช่วยลดอาการบวมใต้ตาได้ นอกจากนี้ การพักผ่อนเพียงพออย่างน้อย 8-10 ชั่วโมง จะช่วยลดความเหนื่อยล้าและลดการบวมอักเสบที่เกิดขึ้นบริเวณใต้ตาได้เช่นกัน

3. ใช้ครีมหรือเจลลดอาการบวม

การใช้ครีมหรือเจลที่มีส่วนประกอบที่ช่วยลดการอักเสบและช่วยให้ผิวหน้าดูสดใสขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ใต้ตา เช่น ครีมที่มีส่วนประกอบเช่น วิตามินซี กรดไฮยาลูรอนิค

4. รับประทานอาหารที่ดี

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เลี่ยงอาหารที่มีปริมาณไขมันสูง อาหารที่ทำให้เกิดการคั่งน้ำในร่างกาย เช่น อาหารเค็ม อาหารทะเล หรือน้ำซุปต่าง ๆ จะลดการสะสมของไขมันใต้ผิวหนัง และลดอาการถุงใต้ตาบวมได้

5. นอนลดถุงใต้ตา

หลีกเลี่ยงการนอนที่ใบหน้าหรือหัวหย่อนไปทางด้านบน เพราะอาจทำให้ไขมันสะสมไว้ในพื้นที่ใต้ตามากขึ้น นอกจากนี้ยังควรให้ระยะเวลาการนอนเพียงพอและเปลี่ยนท่านอนบ่อย ๆ

6. ประคบดวงตาด้วยแตงกวา

แตงกวา เป็นสมุนไพรรักษาถุงใต้ตาที่หาได้ง่ายในครัวเรือน วิธีการประคบง่าย ๆ คือนำแตงกวาแช่เย็นมาล้างให้สะอาด จากนั้นหั่นเป็นแว่น แล้ววางทิ้งไว้บริเวณดวงตา 10-15 นาที จะช่วยลดการอักเสบและลดการบวมได้

7. ใช้ไข่ขาว 

วิธีนี้ทำได้ง่าย ๆ โดยการแยกไข่ขาวออกจากไข่แดง แล้วใช้พู่กันหรือนิ้วมือทาไข่ขาวบางๆ  บริเวณใต้ตา ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็น ไข่ขาวจะช่วยดึงผิวให้ตึงขึ้นชั่วคราว ลดการปรากฏของถุงใต้ตา และทำให้ผิวรอบดวงตาดูสดใสขึ้น ควรทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดี

8. ถุงชาแช่เย็น

ถุงชาแช่เย็นสามารถแก้ปัญหาถุงใต้ตาเทียม และช่วยลดอาการใต้ตาบวมได้ วิธีทำคือ แช่ถุงชาในน้ำร้อนประมาณ 3-5 นาที จากนั้นนำไปแช่ในตู้เย็นให้เย็นลง เมื่อเย็นแล้วนำมาวางบนเปลือกตาที่ปิดอยู่ประมาณ 10-15 นาที วิธีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดถุงใต้ตา แต่ยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและสดชื่นอีกด้วย

9. มันฝรั่งดิบ

บ้านไหนมีมันฝรั่งดิบในตู้เย็น ลองนำมาหั่นเป็นแผ่นบาง ๆ แล้วนำมาวางบนเปลือกตาเป็นเวลา 10-15 นาที มันฝรั่งอุดมไปด้วยสตาร์ช น้ำ และวิตามินเค วิตามินซีและวิตามินบี ซึ่งมีส่วนช่วยให้ถุงใต้ตายุบลง และช่วยลดขอบตาคล้ำได้ ควรทำเป็นประจำเพื่อเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

10. นมจืดแช่เย็น

แช่สำลีในนมจืดที่แช่เย็นไว้ แล้วนำมาวางบนเปลือกตาประมาณ 10-15 นาที ความเย็นจะช่วยลดอาการบวม ในขณะที่สารอาหารในนมจะช่วยบำรุงผิวรอบดวงตาให้ชุ่มชื้นและยืดหยุ่น ทำให้ถุงใต้ตาดูจางลงและผิวดูสดใสขึ้น ควรทำเป็นประจำทุกเช้าหรือก่อนนอนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

11. งดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

บุหรี่และแอลกอฮอล์มีผลเสียต่อการไหลเวียนของเลือด การผลิตคอลลาเจน และความยืดหยุ่นของผิวหนัง โดยเป็นตัวเร่งให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยและทำให้เกิดถุงใต้ตาเทียม ดังนั้นการเลิกสูบบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้ผิวไม่เสื่อมเร็ว ลดการเกิดถุงใต้ตาอีกด้วย

วิธีลดถุงใต้ตาทางการแพทย์

กรณีถุงใต้ตาบวมจากกรรมพันธุ์ หรือที่เรียกว่า ถุงใต้ตาแท้ อาจรักษาด้วยวิธีธรรมชาติไม่ได้ผล ดังนั้นการรักษาถุงใต้ตาด้วยวิธีทางการแพทย์จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด โดยในบทความนี้ขอแนะนำ 2 วิธีแก้ถุงใต้ตาบวมยอดนิยม ดังนี้

1. การผ่าตัดถุงใต้ตา

การผ่าตัดถุงใต้ตา

การผ่าตัดถุงใต้ตา เป็นวิธีแก้ปัญหาถุงใต้ตาที่เกิดจากการสะสมของไขมัน โดยแบ่งออกเป็น 2 เทคนิค คือ

  • ผ่าตัดเปิดแผลด้านใน เป็นการผ่าตัดผ่านทางเยื่อบุแผลด้านในตา แล้วตัดไขมันออก ทำให้ไม่มีแผลผ่าตัดบริเวณภายนอก
  • ผ่าตัดเปิดแผลด้านนอก เป็นการผ่าตัดบริเวณขอบตาล่าง แล้วตัดไขมันในถุงใต้ตาออก ทำได้ง่ายกว่าเทคนิคเปิดแผลด้านใน แต่หลังผ่าตัดจะมีรอยแผลและมีอาการบวมช้ำมากกว่า

2. การฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์ เป็นการฉีดสารเติมเต็มเข้าไปในชั้นกระดูกใต้ตาที่ยุบตัวลง ช่วยเติมเต็มร่องลึกให้ตื้นขึ้นและเต็มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้มองเห็นถุงใต้ตาได้น้อยลง ข้อดีคือไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังทำได้ทันที โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้

ทั้งสองวิธีนี้ล้วนต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น และควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดเพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล นอกจากนี้ การดูแลสุขภาพโดยรวม การพักผ่อนให้เพียงพอ และการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตาอย่างสม่ำเสมอก็เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและลดปัญหาถุงใต้ตาได้เช่นกัน

ไม่รักษาถุงใต้ตาจะเป็นอันตรายหรือไม่?

โดยทั่วไปแล้วไม่ถือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่อาจมีผลกระทบต่อความมั่นใจและรูปลักษณ์ที่มีต่อตัวเอง ถุงใต้ตาบวมอาจทำให้ดูเหมือนเหนื่อยล้าหรือนอนพอ อย่างไรก็ตามมันไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพที่ร้ายแรง แต่ในบางกรณีที่ใต้ตาบวมอาจจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือรุนแรงมากขึ้นได้ อาจเป็นสิ่งที่บ่งบอกภาวะสุขภาพที่ไม่ดีของร่างกาย เช่น การสะสมของไขมันใต้ผิวหนังหรือปัญหาเกี่ยวกับระบบไต ในกรณีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมโดยเฉพาะ

สรุป

ถุงใต้ตาบวมเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย สาเหตุส่วนใหญ่อาจเกิดจากการสะสมของไขมันหรือการที่เนื้อเยื่อรอบตาบวมขึ้น อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่แล้วใต้ตาบวมมักจะเป็นผลมาจากสาเหตุที่ไม่ร้ายแรงและสามารถจัดการได้ด้วยวิธีการที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ ในกรณีที่ไม่มีอาการร้ายแรงและไม่ต้องการการรักษาเฉพาะอย่างเป็นทางการ สามารถลองใช้วิธีการบรรเทาอาการบวมเองได้ก่อน และหากมีความกังวลหรือมีอาการเสียหายอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหน้าให้เพื่อคำแนะนำเพิ่มเติม

Fern Clinic

บทความโดย : พ.ญ. ปุณฑริกา ตันตยานุสรณ์ (หมอเฟิร์น)

Interested fields: Aesthetic Surgery

ติดต่อสอบถาม ปรึกษาคุณหมอฟรี!

About Us

ยืนหนึ่งเรื่องแผลสวย ออกแบบทุกความสวย
อย่างประณีต โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ต้องการสอบถามเพิ่มเติมใช่หรือไม่?

ติดต่อเราทางอีเมล drfernaesthetique@gmail.com หรือเบอร์โทรศัพท์ 080-6356464 , 097-9398742