เยื่อบุตาอักเสบ หรือ “Conjunctivitis” เป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อเยื่อบุตาที่ปกคลุมภายในตาอักเสบ อาการสามารถเกิดขึ้นได้จากการติดเชื้อจากเชื้อโรค เช่น ไวรัส แบคทีเรีย หรือจากแพ้แสงและสารเคมี อาการสำคัญที่พบในผู้ที่เป็นเยื่อบุตาอักเสบ รวมถึงการเจ็บปวดในตา และมีการระคายเคืองหรือรู้สึกว่าตามองเจ็บ เพื่อป้องกันและรักษา ได้สามารถใช้การล้างตาด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือแร่ เป็นต้น แต่หากอาการรุนแรงอาจต้องรับการรักษาด้วยการให้ยาตาที่เป็นยาต้านเชื้อโรค เป็นต้น
อาการเยื่อบุตาอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อหรือการระคายเคืองในเยื่อบุตา ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อบางๆที่ปกคลุมดวงตาและช่วยปกป้องในส่วนของตาที่บอบบาง จากการติดเชื้อและการระคายเคืองภายนอก การวินิจฉัยเชื้อโรคและการรักษามักจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของการติดเชื้อ และอาจต้องใช้การรักษาด้วยการให้ยาหรือยาทารอบตา ในกรณีที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสและอาการรุนแรงอาจต้องไปพบแพทย์เพื่อการรักษาเพิ่มเติมและป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคไปยังผู้อื่นได้
1.สาเหตุของเยื่อบุตาอักเสบอาจมีดังนี้
- เยื่อบุตาอักเสบอาจเกิดจาก ติดเชื้อโรคแบคทีเรีย: เช่น เชื้อ Streptococcus pneumoniae, Staphylococcus aureus, Haemophilus influenzae เป็นต้น ซึ่งสามารถติดเชื้อได้จากการที่มีอะไรไปสัมผัสตา มือที่สกปรกไปไปสัมผัสตา หรือจากวัตถุสกปรกอื่น ๆ ที่มีเชื้อโรค
- เชื้อไวรัส เช่น ไวรัสต่างๆ หรือเชื้อไวรัสจากโรค มีอาการที่เหมือนกับหวัด สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสตาหรือวัตถุสกปรกที่มีเชื้อไวรัส
- ภูมิแพ้ที่ตา เช่น แพ้ฝุ่นละออง แพ้สภาพอากาศ เป็นต้น
- สารเคมี เช่น สารเคมีในสบู่ สารเคมีในเครื่องสำอาง หรือสารเคมีในน้ำ ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองในเยื่อบุตา
- การเลือดออก ในบางกรณี เช่น การเกิดอุบัติเหตุ มีกระกระแทก การบาดเจ็บบริเวณรอบดวงตา อาจทำให้เกิดเยื่อบุตาอักเสบได้
2.เยื่อบุตาอักเสบ วิธีรักษา สามารถทำได้โดยใช้วิธีการต่อไปนี้
หากเริ่มรู้สึกว่าตนเองมีอาการของ เยื่อบุตาอักเสบ วิธีรักษา สามารถแก้ได้โดยตนเอง และแก้ด้วยการรักษาโดยตรงกับแพทย์
- การล้างตา ล้างตาด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือแร่ เพื่อช่วยในการล้างเชื้อโรคและสารต่าง ๆ ที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ ควรล้างโดยใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดหรือการล้างตาตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
- การใช้ยารักษาดวงตา แพทย์อาจสั่งให้ใช้ยาสำหรับตาที่เป็นยาต้านเชื้อหรือยาแก้อักเสบตา เพื่อช่วยควบคุมการติดเชื้อและลดการอักเสบในตา ในบางกรณีอาจต้องใช้ยาที่มีส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขอาการโดยเฉพาะ เช่น สเตียรอยด์ หรือแอนตีบิโอติกสเตอรอยด์
- การใช้ยาหยอดตา ในบางกรณีอาจต้องใช้ยาหยอดตาที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดอาการระคายเคืองและการอักเสบในตา เช่น ยาหยอดตาแอนตีไฮสเตอรีน หรือยาหยอดตาอื่น ๆ ที่แพทย์และเภสัชกรสั่ง
- การใช้ครีม ในกรณีที่มีอาการเกิดขึ้นเนื่องจากการแพ้ต่อสารเคมีหรือสารที่อาจทำให้เกิดการระคายเคือง แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ครีมที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดอาการระคายเคืองและการอักเสบในตา
- การใช้น้ำตาเทียมสามารถช่วยให้บรรเทาอาการระคายเคืองได้
- การป้องกันการแพร่กระจาย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคไปยังบุคคลอื่น ควรใช้ผ้าปิดตาหรือแผ่นปิด และหลีกเลี่ยงการสัมผัสตาและป้องกันสิ่งแปลกปลอมสัมผัสตา
- การพักผ่อนและรักษาสุขภาพที่ดี ควรให้ตาพักผ่อนอย่างเพียงพอ หลีกเลี่ยงการทำงานหรือกิจกรรมที่ทำให้ตาต้องใช้พลังงานมาก เช่น การใช้คอมพิวเตอร์หรือมือถือเป็นเวลานาน และรักษาสุขภาพที่ดีโดยการรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน ดื่มน้ำเพียงพอ และนอนพักผ่อนเพียงพอตามความจำเป็น
3.ลักษณะอาการมีดังนี้
อาการของ เยื่อบุตาอักเสบ มีลักษณะอาการที่แตกต่างกันไปตามสาเหตุของโรค แต่ลักษณะทั่วไปของอาการตาอักเสบ การระบุลักษณะอาการเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์หรือผู้ประเมินสามารถวินิจฉัยและรักษาโรคตาอักเสบได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที แต่ควรทราบว่าอาการของเยื่อบุตาอาจแตกต่างกันไปตามสาเหตุของโรคและสภาวะของผู้ป่วย มีลักษณะดังนี้
- ตาแดง ตามีสีแดงเนื่องจากการติดเชื้อหรือการเกิดการอักเสบในเยื่อบุตาทำให้เลือดไหลเข้าสู่เยื่อบุตาเพิ่มขึ้น
- คันและระคายเคือง การคันและระคายเคืองในตา เป็นอาการที่พบได้บ่อย โดยส่วนมากเกิดเมื่อมีการติดเชื้อหรือการระคายเคืองของต่อมน้ำตา
- สีน้ำตาเปลี่ยน สีของน้ำตาอาจเปลี่ยนไปเป็นสีเหลืองหรือสีเขียว ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการมีเชื้อแบคทีเรียในเยื่อบุตา
- ความบวมของตา บางครั้งเมื่อเยื่อบุตาถูกทำลายหรืออักเสบ อาจทำให้เกิดอาการบวมแดงของตาได้
- ความรู้สึกว่ามีอะไร ติดอยู่ในตา บางครั้งผู้ป่วยอาจรู้สึกถึงความไม่สบายตา หรือมีสิ่งต่าง ๆ ติดอยู่ในตา เนื่องจากการระคายเคืองในตา
4.มักเกิดขึ้นกับใคร?
สามารถเกิดขึ้นกับทุกเพศและกลุ่มอายุ อาการเยื่อบุตาอักเสบสามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ แต่มักพบอาการตาอักเสบบ่อยที่สุดในกลุ่มต่อไปนี้
- เด็ก เด็กโดยเฉพาะเด็กที่เข้าร่วมกิจกรรมในสถานศึกษาหรือที่เล่นร่วมกัน โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นของชีวิต เนื่องจากมักมีการสัมผัสสิ่งของร่วมกันและมีการปฏิบัติงานที่ใกล้ชิดกัน
- ผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ที่อาศัยในสถานที่แช่แข็งเย็นมากหรือที่อาศัยในสถานที่แสงแดดจัดมาก หรือมีการสัมผัสสารเคมีที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อตา
- คนที่ทำงานในสถานที่และสภาพแวดล้อมที่มีการสัมผัสสารเคมีหรือสารที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อตา เช่น คนที่ทำงานในอุตสาหกรรมเคมี หรือในฟาร์มที่มีการใช้สารเคมีในการเลี้ยงสัตว์
- ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันที่ด้อยลง ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันที่ด้อยลงอาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากเชื้อโรคต่าง ๆ มากขึ้น
- ผู้ที่มีประวัติการติดเชื้อตา ผู้ที่เคยเป็นโรคตาอักเสบมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคซ้ำอีกครั้ง
5.เยื่อบุตาอักเสบกี่วันหาย เป็นอันตรายหรือไม่?
หากใครที่กังวลว่า เยื่อบุตาอักเสบกี่วันหาย และจะเป็นอันตรายไหม ในส่วนมากไม่ถือเป็นอันตรายต่อชีวิต แต่อาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบาย และมีความรู้สึกระคายเคืองในตา รวมถึงตาแดง คันตา ตารู้สึกเจ็บ และอาการบวมแดง เมื่อการอักเสบเกิดขึ้นจากเชื้อโรคแบคทีเรียหรือไวรัส อาการมักจะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ สามารถดูแลรักษาโดยตนเองตามข้อมูลเบื้องต้น โดยไม่ต้องรับการรักษาเพิ่มเติม แต่หากเกิดจากการติดเชื้อโดยแพร่กระจาย หรือมีอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงกว่าปกติ อาจต้องรับการรักษาเพื่อควบคุมการติดเชื้อและลดอาการอักเสบในตา ควรเข้าพบแพทย์โดยทันที
6.สรุป
อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีที่ เยื่อบุตาอักเสบ เกิดขึ้นร่วมกับภาวะการติดเชื้อร้ายแรงหรือแพทย์ระบุว่าเกิดจากสาเหตุที่รุนแรง เช่น การติดเชื้อในสายตา มีการติดเชื้อไวรัส หรือการแพร่กระจายไปยังชั้นตา อาจต้องรับการรักษาเพิ่มเติมและการตรวจสุขภาพอื่น ๆ อาจจำเป็น เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในบางกรณี เช่น การติดเชื้อในหูหรือกระแสเลือด การอักเสบที่เกิดจากการแพร่กระจายของเชื้อโรคอาจเป็นอันตรายต่อคนในกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุหรือเด็ก เนื่องจากอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพได้ง่าย ดังนั้น หากมีอาการควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการประเมินและการรักษาที่เหมาะสมที่ เฟิร์น คลินิก เรามีบริการมากมาย ทั้ง Subbrow Lift และ ตาสองชั้น เรายินดีให้คำแนะนำ อ่านเพิ่มเติม