อาการคันตาเป็นปัญหาที่สร้างความรำคาญและกังวลใจให้กับหลายคน ทั้งยังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้ขาดสมาธิในการทำงานหรือการเรียน บางคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่แท้จริงแล้วอาการคันตาอาจเป็นสัญญาณของโรคตาที่ต้องได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุและวิธีการรักษาอาการคันตาให้ละเอียดกัน
อาการคันตา เกิดจากโรคอะไรบ้าง
อาการคันตาเป็นอาการที่พบได้บ่อยและมีสาเหตุได้หลายประการ โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากโรคตาที่พบบ่อยดังต่อไปนี้
1. ภูมิแพ้ขึ้นตา
ภูมิแพ้ขึ้นตาเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของอาการคันตา เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นมากเกินไป เช่น ฝุ่น ละอองเกสร ขนสัตว์ หรือสารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ ทำให้เกิดการหลั่งสารฮิสตามีนและเกิดการอักเสบของเยื่อบุตา นอกจากอาการคันตาแล้ว ผู้ป่วยมักมีอาการตาแดง น้ำตาไหล และบางรายอาจมีอาการจามหรือคัดจมูกร่วมด้วย
ที่สำคัญสำหรับผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ขึ้นตา หากต้องการทำตาสองชั้นนั้นสามารถทำได้ แต่ระยะเวลายุบบวมของเปลือกตาหลังทำตาสองชั้นอาจนานกว่าคนทั่วไป
2. ตากุ้งยิง
ตากุ้งยิงเป็นการอักเสบของต่อมไขมันบริเวณเปลือกตา มักมีลักษณะเป็นตุ่มแดงคล้ายสิว อาการเริ่มแรกคือรู้สึกคันและระคายเคืองบริเวณเปลือกตา ต่อมาจะมีอาการบวมแดงและอาจมีหนองสะสมภายใน ทำให้รู้สึกเจ็บเวลากะพริบตา บางรายอาจมีอาการตาแดง น้ำตาไหล และรู้สึกเคืองตาร่วมด้วย การติดเชื้อนี้มักเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่พบได้บนผิวหนังทั่วไป
3. ตาแห้ง
โรคตาแห้งเกิดจากการที่ร่างกายผลิตน้ำตาไม่เพียงพอหรือน้ำตามีคุณภาพไม่ดี ทำให้ผิวดวงตาขาดความชุ่มชื้น ส่งผลให้เกิดอาการคัน แสบ ระคายเคือง รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในตา และตามัวเป็นพัก ๆ อาการมักจะแย่ลงเมื่อต้องจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน อยู่ในห้องแอร์ หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีลมแรง
4. เยื่อบุตาอักเสบ
เยื่อบุตาอักเสบเป็นภาวะที่เยื่อบุตาเกิดการอักเสบ ทำให้มีอาการคัน แสบ ตาแดง มีขี้ตามากผิดปกติ และอาจมีน้ำตาไหลร่วมด้วย สาเหตุอาจเกิดได้ทั้งจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้ อาการมักจะเริ่มที่ตาข้างหนึ่งก่อนแล้วลามไปอีกข้าง และอาจติดต่อไปยังผู้อื่นได้หากเป็นการติดเชื้อ
ปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้คันตา
นอกจากโรคตาต่าง ๆ แล้ว อาการคันตายังอาจเกิดจากปัจจัยภายนอกและพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
- การแพ้เครื่องสำอาง โดยเฉพาะอายแชโดว์ มาสคาร่า หรือดินสอเขียนตา
- การสัมผัสสารเคมีหรือน้ำคลอรีนในสระว่ายน้ำ
- การใช้คอนแทคเลนส์ที่ไม่สะอาดหรือหมดอายุ
- การใช้สายตาเป็นเวลานานโดยไม่พัก
- การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นละอองมาก
การรักษาอาการคันตา
การรักษาแตกต่างกันไปในแต่ละโรค ดังนี้
ภูมิแพ้ขึ้นตา
การรักษาภูมิแพ้ขึ้นตามุ่งเน้นที่การบรรเทาอาการและการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น แพทย์จะจ่ายยาหยอดตาเพื่อลดอาการคันและอักเสบ มีทั้งกลุ่มยาสเตียรอยด์และกลุ่มยาที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ นอกจากนี้การรักษาความสะอาดและการใช้น้ำเกลือล้างตาเป็นประจำก็สามารถช่วยบรรเทาอาการได้
ตากุ้งยิง
การรักษาตากุ้งยิงเริ่มจากการประคบอุ่นวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 10-15 นาที เพื่อช่วยให้หนองระบายออกและลดอาการอักเสบ ในกรณีที่มีการติดเชื้อ แพทย์จะจ่ายยาปฏิชีวนะ และหากมีหนองสะสมมาก อาจจำเป็นต้องเจาะระบายหนองออก
ตาแห้ง
การรักษาตาแห้งทำได้โดยการใช้น้ำตาเทียมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา ปรับพฤติกรรมการใช้สายตา เช่น การพักสายตาเป็นระยะเมื่อต้องทำงานหน้าจอ และการหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่แห้งเกินไป เช่น ห้องปรับอากาศ หรือที่ที่มีลมแรง แต่
เยื่อบุตาอักเสบ
การรักษาเยื่อบุตาอักเสบขึ้นอยู่กับสาเหตุ หากเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย จะใช้ยาปฏิชีวนะ หากเกิดจากไวรัส มักหายได้เองภายใน 7-14 วัน สำหรับเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้ จะใช้ยาต้านฮิสตามีนชนิดหยอดตาในการรักษา หรือยารับประทาน และเสริมการรักษาด้วยการหยอดน้ำตาเทียมเพื่อเจือจางสารก่อการแพ้ และการประคบเย็น
การป้องกันอาการคันตา
การป้องกันอาการคันตาทำได้หลายวิธี โดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลสุขอนามัยของดวงตาอย่างเหมาะสม
- ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสดวงตาทุกครั้ง
- หลีกเลี่ยงการขยี้ตาหรือสัมผัสตาโดยไม่จำเป็น
- ทำความสะอาดเครื่องสำอางให้หมดจดก่อนเข้านอน
- เปลี่ยนเครื่องสำอางเมื่อหมดอายุหรือมีการปนเปื้อน
- พักสายตาเป็นระยะเมื่อต้องใช้งานหน้าจอเป็นเวลานาน
- ใช้แว่นกันแดดหรือแว่นตาป้องกันฝุ่นเมื่ออยู่ในที่มีมลภาวะ
- ดูแลคอนแทคเลนส์ให้สะอาดและเปลี่ยนตามกำหนด
สรุปเรื่องอาการคันตา
อาการคันตาเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยและมีสาเหตุได้หลากหลาย ตั้งแต่โรคตาพื้นฐานไปจนถึงโรคที่ต้องได้รับการรักษาอย่างจริงจัง การวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากมีอาการผิดปกติหรือมีอาการรุนแรง ควรรีบปรึกษาคลินิกทำตาที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อรับการรักษาที่ตรงจุดและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น