อาการตาปรือ ตาดูง่วงนอน เกิดจากอะไร มีวิธีแก้อย่างไร

ตาปรือ
Facebook
Twitter
Email

สารบัญ

“ตาปรือ” (Ptosis) เป็นคำทางการแพทย์ที่ใช้เพื่ออธิบายตาปรือ คือ สภาวะที่หนังตามีการตกลงมากเกินไปหรือยังไม่ได้ยกขึ้นอย่างเหมาะสมกับตำแหน่งปกติของตา เป็นอาการที่ส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งสองตาสามารถมองไม่เห็นได้หรือมองเห็นได้ไม่ชัดเจนเนื่องจากการบดบังของหนังตาที่ลดลง การที่ตาปรือเกิดขึ้นอาจเกิดจากเหตุผลหลายประการ เช่น เกิดขึ้นที่กล้ามเนื้อที่ควบคุมการยกหนังตา, การบาดเจ็บที่ส่วนของรอบดวงตา, โรคที่มีผลต่อกล้ามเนื้อในตา, หรือมีความผิดปกติที่ระบบประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของตา

อาการอาจแตกต่างกันไปตามความรุนแรงของอาการ ในบางกรณีอาจทำให้มองไม่เห็นหรือมองเห็นได้ไม่ชัดเจน การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ เช่น ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อปรับการยกขึ้นของหนังตา หรือในบางกรณีอาจใช้เทคนิคทางการแพทย์อื่น ๆ เช่น การใช้ตัวยา การฝังเข็ม หรือการทำกายภาพบำบัด เพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่ควบคุมการยกหนังตา การรักษาควรเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์ที่เชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้อง

อาการตาปรือ เกิดจาก สาเหตุอะไร?

ตาปรือ เกิดจาก หลายสาเหตุ ซึ่งอาจแบ่งได้เป็นสาเหตุที่เกิดขึ้นตั้งแต่เกิด หรือเกิดขึ้นหลังจากการเจ็บป่วยหรือเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกิดขึ้นในภายหลังได้ ดังนี้

  • สาเหตุที่เกิดตั้งแต่เกิด (Congenital Ptosis): การเกิดขึ้นตั้งแต่เกิดอาจเกิดจากความผิดปกติที่กล้ามเนื้อหน้าเกิดขึ้นในช่วงการพัฒนา หรืออาจเกิดจากความผิดปกติที่ส่วนรอบตาในช่วงการพัฒนาก่อนเกิด
  • การบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุ: บาดเจ็บหรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในส่วนรอบตาอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหรือเนื้อเยื่อที่ควบคุมการยกหนังตา ทำให้เกิดอาการได้
  • โรคที่มีผลต่อกล้ามเนื้อหรือเส้นเลือดในตา: โรคต่อมน้ำตาอักเสบ (Myasthenia gravis) หรือโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อตาอื่นๆ ที่มีผลต่อการควบคุมการเคลื่อนไหวของตาอาจเป็นสาเหตุของการเกิดอาการได้
  • ปัจจัยที่เกี่ยวกับวัย: การเกิดตาปรือบางครั้งอาจเกิดขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโครงสร้างของผิวหนัง และกล้ามเนื้อในช่วงวัยทำงานหรือวัยทอง
  • ปัจจัยที่เกี่ยวกับระบบประสาท: การควบคุมการเคลื่อนไหวของตาโดยระบบประสาทอาจมีปัญหา ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดตาปรือได้

ตาปรือ เกิดจาก

ตาปรือ อาการเป็นอย่างไร?

ตาปรือ (Ptosis) มีรูปร่างที่แตกต่างไปได้ตามความรุนแรงของตาปรือ อาการและสาเหตุของมัน ลักษณะทั่วไปของอาการอาจมีดังนี้:

  • เกิดตั้งแต่เกิดหรือพันธุกรรม (Congenital Ptosis):

ตาปรือที่เกิดตั้งแต่เกิดอาจมีลักษณะเด่นชัดของการตกของหนังตาที่มองเห็นได้ทันทีตั้งแต่วัยเด็ก บางครั้งอาจมีหนังตาที่ตกลงมาบางเล็กน้อยหรือมีการบดบังที่ชัดเจนกว่า

  • เกิดภายหลัง (Acquired Ptosis):

ลักษณะที่เกิดหลังจากเกิดอาจแสดงเป็นการตกของหนังตาที่เกิดขึ้นเรื่อยๆ หรือเกิดอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้นๆ บางครั้งอาจมีการตกของหนังตาบนตาปรือข้างเดียวหรือสองข้าง ลักษณะของตาปรือ ง่วง อาจมีความหนาแน่นหรือความสวยงามของตาที่ลดลง

  • การรักษาที่เคยผ่านมา:

หลังจากการรักษาหรือการผ่าตัดเพื่อแก้ไข ลักษณะของตาอาจเปลี่ยนไปโดยมีการยกขึ้นมาหรือลดลง และอาจมีการเปลี่ยนแปลงของความสวยงามของตาโดยรวมตามผลลัพธ์ของการรักษาและสภาพปัจจุบันของผู้ป่วย

มีผลเสียอย่างไร

อาการตาปรือมีผลเสียต่อสุขภาพของตาและความผิดปกติของการมองเห็นได้ดังนี้

  • ความไม่สบายและความระคายเคือง: สามารถทำให้รู้สึกไม่สบายและมีความระคายเคืองในตา ซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถในการทำงานหรือกิจกรรมประจำวัน
  • การมองเห็นบกพร่อง: การมองเห็นที่ไม่ชัดเจนหรือมัวหมองเป็นอาการที่พบบ่อยเมื่อมีอาการ อาจทำให้มองเห็นภาพเป็นเพี้ยนหรือมัวหมอง
  • ความเสียหายของเนื้อเยื่อตา: เป็นสัญญาณที่มีการอักเสบของเนื้อเยื่อตา เช่น ชั้นนอกของเยื่อตาหรือเนื้อเยื่อข้างในที่เกี่ยวกับการส่งสัญญาณทางประสาท
  • การติดเชื้อ: อาจทำให้ตามีการอักเสบที่ผิวหนังบริเวณรอบตา ซึ่งอาจเป็นประตูเปิดให้เชื้อโรคเข้าทำลาย
  • การเปิดรับแสง: ทำให้ตามีความบอบช้ำในการรับแสง ซึ่งอาจทำให้มองเห็นแสงเป็นอาการที่ไม่สบายและลดความชัดเจนของภาพ
  • ปัญหาในการนำไปสู่การตาบอด: อาจเป็นสัญญาณเตือนเตือนถึงการเสี่ยงที่จะเป็นการตาบอดในระยะยาวถ้าไม่ได้รักษาหรือดูแลตาอย่างเหมาะสม

วิธีแก้ตาปรือ ให้กลับมาสวย

การรักษาวิธีแก้ตาปรือมีหลายวิธีด้วยกัน แต่การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุของสภาวะนั้นๆด้วย การดูแลตาอย่างเหมาะสมและการป้องกันอันตรายสำหรับตา จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นตาปรือได้ อย่าลืมปรึกษาแพทย์หากคุณมีอาการที่ไม่ดีขึ้นหรือมีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็นของคุณ ดังนั้น หากต้องการรักษาให้ปฏิบัติดังนี้

  1. พักผ่อนตา: พยายามให้ตาพักผ่อนอย่างเพียงพอหลังจากการใช้งานคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ โดยทำการพักเมื่อมีโอกาส เช่น ทำการนอนหลับเพื่อให้ตาได้พักผ่อน
  2. การประคบเย็นตา: วางประคบเย็นไว้บนตา เช่น นำเจลประคบเย็นที่มีความเย็นมาประคบบริเวณรอบดวงตา จะช่วยลดอาการได้
  3. ควบคุมการใช้งานคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์: ลดเวลาการใช้งานคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น ตั้งเวลาให้หยุดพักเป็นระยะๆ และใช้แอพพลิเคชั่นหรือโปรแกรมที่ช่วยลดแสงสีฟ้าบนหน้าจอ
  4. สวมแว่นตา: การสวมแว่นตาสำหรับการป้องกันแสง UV หรือแสงสะท้อนต่างๆ เช่น แสงแดดหรือแสงจากจอคอมพิวเตอร์ เป็นต้น ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดได้
  5. เลือกอาหารที่เหมาะสม: การบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อสายตา เช่น อาหารที่มีวิตามิน A, C, E, และซิงค์ เพื่อส่งเสริมสุขภาพของตา
  6. ใส่คอนแทคเลนส์อย่างถูกต้อง: หากใช้คอนแทคเลนส์ ต้องรักษาความสะอาดของคอนแทคเลนส์อย่างถูกต้องและไม่ใช้เวลาในการสวมใช้นานเกินไป
  7. เข้ารับการตรวจตาอย่างสม่ำเสมอ: การตรวจตาปีละครั้งหรือตามคำแนะนำของแพทย์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อค้นหาปัญหาทางการมองเห็นที่เกิดขึ้นและรักษาให้เร็วที่สุด
  8. การผ่าตัด: สามารถแก้ได้ดดยการผ่าตัด จะเห็นผลได้ทันทีและเป็นการแก้ไขแบบถาวร เช่น การทำศัลยกรรม ตาสองชั้น , Subbrow lift , แก้ไขกล้ามเนื้อหนังตาอ่อนแรง

สรุป

ที่ Fen Clinic เราขึ้นชื่อในเรื่องของการศัลยกรรมแก้ไขดวงตาให้กลับมาสวย สดใส และเมื่อพูดถึงอาการของตาปรือทางหมอเฟิร์นของเราก็มีวิธีที่แก้ไข ตาง่วงให้กลับมาสวยได้โดยวิธีการทำ ตาสองชั้น หรือการแก้ไข หนังตาตก Subbrow lift คุณหมอเฟิร์นได้ใช้เทคนิคที่เหมาะสมกับคนไข้ทุกเคส ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของรอยแผลเป็นอย่างมาก รับรองว่าแผลสวย เรียบเนียนอย่างแน่นอน ทำให้ตากลับมาสวย สดใส ตามาปรืออีกต่อไป

Fern Clinic

บทความโดย : พ.ญ. ปุณฑริกา ตันตยานุสรณ์ (หมอเฟิร์น)

Interested fields: Aesthetic Surgery

ติดต่อสอบถาม ปรึกษาคุณหมอฟรี!

About Us

ยืนหนึ่งเรื่องแผลสวย ออกแบบทุกความสวย
อย่างประณีต โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ต้องการสอบถามเพิ่มเติมใช่หรือไม่?

ติดต่อเราทางอีเมล drfernaesthetique@gmail.com หรือเบอร์โทรศัพท์ 080-6356464 , 097-9398742